Equity in LITU กับเป้าหมายในการผลิตครูสอนภาษาอังกฤษที่เข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์

ที่สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราโอบรับความหลากหลายและให้ความสำคัญกับการเคารพซึ่งกันและกัน โดยยึดหลัก 3 ข้อ คือ Equity ส่งเสริมความเสมอภาค Diversity ยอมรับในความแตกต่าง และ Sustainability เรียนรู้และพัฒนาอย่างยั่งยืน…ไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหน เรียนจบอะไรมา หรือมีความเชื่ออย่างไร ก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ที่นี่ พัฒนาความรู้ความสามารถเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
.
ส่งท้ายเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลาย ด้วยบทสัมภาษณ์จากดร.นันทิกานต์ สิมะแสงยาภรณ์ หรืออาจารย์นุ้ย ผู้อำนวยการหลักสูตร MA in ELT ที่จะมาเล่าเรื่องราวของสถาบันภาษา ในการสร้างความเสมอภาค ความเท่าเทียม เพื่อให้ทุกคนที่มาที่นี่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เท่าๆ กัน

“หลักสูตรของเราคือรับผู้เรียนจากทุกสาขาวิชา ไม่จำเป็นจะต้องจบครูมา ไม่จำเป็นจะต้องเอกอังกฤษมา ขอให้มีความสามารถทางภาษาอังกฤษมาก็คือได้ เรามองว่า เราให้โอกาสทุกคนได้เริ่มต้นใหม่ในสาขาวิชาที่ตัวเองอยากจะเดินต่อไปในอนาคต แต่ในเมื่อบางคนมีพื้นฐานที่มากกว่า บางคนมีน้อยกว่า ฉะนั้นเราต้องช่วยทุกคนให้ขึ้นมาเท่ากัน สามารถเรียนได้ ต่อให้ไม่เท่ากัน 100% แต่ก็ได้เต็มความสามารถของเขา”
.
“อย่างการเขียนหลักสูตรของ ELT ปีที่ 1 เป็นปีที่ปรับพื้นฐาน ซึ่งจะมีการวางไว้หมดเลยว่า พื้นฐานใดๆ ก็ตามที่เมื่อจบออกไปเป็นครูหรือผู้สอนภาษาอังกฤษจะต้องใช้ทั้งหมด เช่นวิชาประเภทภาษาศาสตร์ ต่อให้คนที่ไม่เคยเรียนในสายของสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ก็อาจจะไม่เคยเรียนในตัวนี้ เราก็จะมีการจัดเอาไว้ เพื่อที่ขึ้นไปถึงปี 2 ปุ๊ป ก็จะสามารถทำได้เท่าๆ กัน สามารถเรียนวิชาที่เป็นวิชาเฉพาะได้เท่าๆ กัน”
.
“หรือในเรื่องของ financial คือเอาจริงๆ แล้ว ค่าเทอมเราไม่แพง เพื่อให้มันสามารถกระจายไปได้ คือการเรียนการสอนเราเป็นภาษาอังกฤษ แต่ในขณะที่หน่วยกิตเราเก็บไม่แพงเลย คือต้องการให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้มากพอสมควร ไม่ใช่ว่าต้องมีเงินจำนวนมาก เพราะเรารู้ว่าบุคลากรทางการศึกษาหลายๆ คนก็ไม่ได้เงินเดือนมากนัก และเราก็จะพยายามช่วยให้จบได้ภายในเวลาให้ได้มากที่สุด เพราะจะได้วางแผนค่าใช้จ่ายได้และไม่อยากให้จ่ายมากไปกว่านี้ด้วย”
.
“อีกอย่างที่สถาบันภาษาทำคือมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการ support อย่างเช่น การเข้าห้องสมุด เราจะมี training ในการเข้าห้องสมุดต่างๆ ซึ่งวันจันทร์ ถึง ศุกร์ นี่ไม่สามารถมาห้องสมุดได้อยู่แล้วเพราะทำงาน ส่วนนึงก็คือมหาวิทยาลัยก็ provide ในด้านของ e-resource ซึ่งเราก็เน้นให้นักศึกษาใช้ เพื่อดู e-book ต่างๆ หรือว่าเข้าไปดาวน์โหลด e-journal ต่างๆ เพื่อที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในประเทศ คุณก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เท่าเทียมกัน”
.
“รวมไปถึงเรามีแผน ก Thesis แผน ข IS ถ้าสมมติว่าเค้ามาจากในสายที่เค้าเคยทำ Research มาอยู่แล้ว เค้าอาจจะมีความมั่นใจมากกว่าและเลือกทำ Thesis ซึ่งจะมีความซับซ้อนกว่า ก็สามารถเลือกได้ ในขณะที่คนที่มีพื้นฐานน้อยกว่า หรืออยากจะมีการฝึกสอนด้วย เพราะยังไม่เคยฝึกสอน ก็สามารถเลือกแผน ข หรือ IS ในการทำวิจัยขนาดเล็ก เป็นการฝึกและฝึกสอนด้วย เพราะจบออกไปก็จะพอมีประสบการณ์บ้าง สามารถที่จะออกไปทำงานได้”

ทุกคนต้องมีความแตกต่างอยู่แล้ว มาด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ถ้านึกถึงเหมือนสวนดอกไม้อ่ะ… มันจะสวยก็ต่อเมื่อมันมีหลายสี ฉะนั้น นักศึกษาทุกคนมีหลายสี มีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน แต่ทุกประสบการณ์ของเค้าก็มีคุณค่า ที่จะทำให้สวนดอกไม้เนี่ย..มันสวยขึ้นมา

“ท้ายที่สุดแล้ว อาชีพที่แต่ละคนเลือกไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ที่เรามีทั้งครูโรงเรียนเล็ก โรงเรียนใหญ่ ครูในกทม ปริมณฑล ต่างจังหวัด เรามีตั้งแต่ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น สุพรรณบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราชก็มี นั่งรถไฟขึ้นมาเรียน ฉะนั้นอีกอย่างนึงที่ช่วย คือ ต้องจัดตารางให้เอื้อคนที่มาจากต่างจังหวัดสามารถเข้ามาเรียนได้ อย่างเช่น ถ้าสามารถจัดตารางให้มันอยู่ในวันเดียวกัน เพื่อเค้าสามารถไปกลับในวันเดียวกันได้ หรือถ้าเกิดจำเป็นต้องอยู่ในกทม ก็อาจจะต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อสามารถกลับต่างจังหวัดได้”
.
“ฉะนั้นเรา expect เลยว่าจะมีความหลากหลายอยู่ จะมีคนที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาเรียน ถ้าเป็นอย่างช่วงโควิด การเดินทางยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ เราก็จัดให้เป็นออนไลน์ เพื่อจะ serve จุดนี้เหมือนกัน ปรับตามสถานการเพื่อทุกคนจะสามารถเรียนได้”
.
“มันมีอะไรที่จะทำให้เค้าไปไม่ถึง goal เราต้องลดจุดนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะไม่ได้ 100% แต่พยายามจะ accommodate ให้ได้มากที่สุดอยู่แล้ว”
.
“ในแง่ของ gender equality เอาจริงแล้วๆ นอกจากเวลาที่ต้องทำอะไรเป็นราชการ เราไม่เคยต้องใช้คำนำหน้า เวลาอยู่ในห้องเรียนเราไม่ได้คำนึงถึงจุดนั้น ทุกคนคือนักศึกษาเท่ากันหมด We celebrate individual differences คือทุกคนต้องมีความแตกต่างอยู่แล้ว อย่างนักษาศึกษาเอง ทุกคนมาด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ถ้านึกถึงเหมือนสวนดอกไม้อ่ะ มันจะสวยก็ต่อเมื่อมันมีหลายสี ฉะนั้นนักศึกษาทุกคนมีหลายสี ประสบการณ์ไม่เหมือนกัน มีพื้นฐานไม่เหมือนกัน อาจจะเคยสอนไม่เคยสอน แต่ทุกประสบการณ์ของเค้าก็มีคุณค่า ที่จะทำให้ไอสวนดอกไม้เนี่ย..มันสวยขึ้นมา ทำให้ห้องเรียนมี dynamic ขึ้นมาจริงๆ”

“เรามี principle ที่อยากให้นักศึกษาจบไปเป็น language educator ที่มีความเข้าใจโลก ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ นักเรียนทุกคนในห้องไม่ได้เท่ากัน ไม่ใช่ 1+1 เท่ากับ 2 แต่บางคนติดลบมา บางคนบวก ฉะนั้นแล้วเนี่ย การปฏิบัติต่อกันในฐานะมนุษย์ เราจะต้องนึกถึงว่า เราต้องมี empathy กับนักเรียนในห้องของเราด้วย เราต้องเข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นมนุษย์มีความรู้สึก I tend to encourage my students to teach their students with kindness ให้มีความเข้าใจว่า เวลาที่เกิดสิ่งต่างในห้องเรียนเนี่ย มันอาจจะเกิดจาก background อารมณ์ ความรู้สึก ความพร้อมไม่พร้อมของเขารึป่าว”
.
“ยกตัวอย่างเรื่องเพศ ซึ่งเรามองข้ามช็อตไปเลย ในช่วงของเมื่อประมาณซัก 20 -30 ปีที่ผ่านมันจะมีเทรนด์ของงานวิจัยที่บอกไปเลยว่า ผู้หญิงเป็นยังไง ผู้ชายเป็นยังไง แต่ทีนี้เรามาถึงโลกในยุคนี้แล้วเนี่ย เราต้องดูว่าบางทีมันไม่ใช่ ถ้าเกิด gender มันไม่ใช่สิ่งที่จะบอกได้ ฉะนั้นเราก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ในฐานะครูสอนภาษาอังกฤษเราต้องมี awareness และต้องมีความเข้าใจ”
.
“แม้กระทั่งการใช้ pronoun ในการเรียกนักศึกษา โดยส่วนตัวคิดว่าที่สถาบันภาษาเราทำกันทุกคนคือ เราจะเรียกตามเพศสภาพที่เค้าเลือก บางทีมันจะขึ้นอยู่กับลักษณะในการแสดงออก แล้วก็สรรพนามที่เค้าเรียกตัวเอง จริงๆ เราก้าวข้ามผ่านจุดนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ เราไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าคนนี้เป็นนาย หญิง เควียร์ เกย์ หรืออะไร You are just students ฉะนั้น จะเลือกใช้อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ gender ต้องคำนึงถึงความสบายใจของคนถูกเรียกด้วย”

เรามี principle ที่อยากให้นักศึกษาจบไปเป็น language educator ที่มีความเข้าใจโลก ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ…I tend to encourage my students to teach their students with kindness.

“อีกอย่างที่คิดว่าเป็นตัวช่วยคือ ความเป็น community คือลักษณะในการประเมินไม่ได้เป็นในแบบที่จำกัดว่า A ได้กี่คน B ได้กี่คน ไม่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์แบบนั้น แต่เป็นใครทำได้ก็ได้ไป และมันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า community of learning ในการที่นักศึกษาจะช่วยกัน คนที่รู้มากกว่าบางทีก็มีการตั้งกลุ่มติวให้คนที่รู้น้อยกว่า เพื่อให้ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กัน”
.
“อย่างที่บอกคือ เราอยากให้นักศึกษาเป็น language educator ที่มี empathy เป็นบุคลากรทางการศึกษาที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์และเข้าใจว่าจะ support ผู้เรียนของตัวเองยังไง เพื่อให้เค้าบรรลุไปถึงจุดที่จะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งถ้าเราเข้าใจความหลากหลาย เราก็จะมี empathy เพราะเราจะเข้าใจว่าทุกอย่างไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ มนุษย์ทุกคนมีความแตกต่างกันทั้งนั้น ห้องเรียนที่เราได้ก็จะเป็นเหมือนภาพที่มีสีหลายๆ สีรวมกัน เราต้องเข้าใจจุดนี้ตั้งแต่แรก”
.
“ฉะนั้น ผู้สอนที่เข้าใจ ก็จะไม่พยามทำให้ห้องเรียนเป็นสีสีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็จะพยายามหาวิธีการในการที่จะให้ความรู้ โดยที่แต่ละคนยังสามารถคง identity ของตัวเองไว้ได้ เค้าจะทำหน้าที่ของเค้าด้วย positive attitude ด้วยพลังการคิดบวก เห็นข้อดีในสิ่งที่เจออยู่ตรงหน้าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงก็ตาม”
.
“ที่ LITU เราพูดคุยกันได้ ไม่มีความคิดเห็นของใครที่สำคัญไปกว่าอีกคน มันคือการรับฟังกันและกัน คือการเคารพซึ่งกันและกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันเป็นอาจารย์ เธอเป็นนักศึกษา แต่เราทุกอยู่ในห้องเดียวกันในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ทำกันคนละหน้าที่ ก็เท่านั้นเอง”
.
“อย่างที่บอกคือ gap ไม่ได้เยอะนักระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา เราคุยกันได้ตั้งแต่วิชาการจนถึงนักร้องเกาหลีอะไรอย่างงี้ มีการแชร์ประสบการณ์กัน สิ่งนี้จะช่วยให้เห็นว่าถ้าเค้ามีปัญหาเค้าจะกล้า reach out เค้าจะกล้าถาม หนูจะทำยังไงดี ผมจะทำยังไงดี และในอีกด้านนึงก็คือครูรู้สึกว่า ประสบการณ์ในการเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษของครูมันก็จะอยู่แค่ในมหาวิทยาลัยแค่นั้น เท่าที่ครูมี แต่ว่าถ้าเกิดครูไปซึบซับจากตัวนักศึกษาเอง ซึ่งเค้าเป็นครูโรงเรียนเล็ก เป็นครูโรงเรียนใหญ่ เป็นครูในจังหวัดต่างๆ โรงเรียนรัฐ โรงเรียนเอกชน เราจะได้ความรู้จากเค้าเยอะเลย เราจะรู้โลกข้างนอกเป็นยังไง ฉะนั้นแล้ว เราเรียนจากเค้าด้วย เราไม่ได้แค่อยู่ในนี้ จริงๆ มันมีโลกข้างนอกอีก ถ้าเราไม่มองไปข้างนอก เราจะเห็นแค่เฉพาะที่เราเห็น เราก็อาศัยประสบการณ์เค้านั้นแหละ ในการเรียนรู้จริงๆ“

ผู้สอนที่เข้าใจ ก็จะไม่พยามทำให้ห้องเรียนเป็นสีสีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็จะพยายามหาวิธีการในการที่จะให้ความรู้ โดยที่แต่ละคนยังสามารถคง identity ของตัวเองไว้ได้ เค้าจะทำหน้าที่ของเค้าด้วย positive attitude ด้วยพลังการคิดบวก เห็นข้อดี ในสิ่งที่เจออยู่ตรงหน้า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงก็ตาม