Collocations: The Hidden Key to Natural-Sounding English เมื่อคำศัพท์มิได้ปรากฎตามลำพัง

หนทางสู่ความสำเร็จในชีวิตมิได้โรยด้วยกลีบดอกโบตั๋นฉันใด หนทางสู่ความเป็นเลิศในการเรียนภาษาอังกฤษก็มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันนั้น

ผู้เรียนภาษาอังกฤษที่จะเก่งได้ย่อมต้องพัฒนาองค์ความรู้ในหลายด้าน ความรู้ความเข้าใจคำศัพท์ (vocabulary) ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้ในด้านอื่น หลายๆ คนมักมีความเชื่อว่าคนเก่งภาษาคือคนที่รู้คำศัพท์จำนวนมากๆ หรือรู้ว่าคำๆ นี้มีหลายความหมาย เช่น รู้ว่า book เมื่อเป็นคำนามหมายถึงหนังสือ แต่เมื่อใช้เป็นคำกริยามีความหมายว่า จอง การมีวงคำศัพท์ที่กว้างแม้จะมีประโยชน์ในการอ่านและฟังภาษาอังกฤษพอสมควร แต่เมื่อเราต้องใช้คำศัพท์ในการเขียนและการพูด เรามักจะเจอความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้น (Durrant, 2022) คำบางคำมีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น strong และ powerful สามารถใช้แทนกันได้ในบางบริบทเช่น strong engine หรือ powerful engine แต่ถ้าเราต้องการสื่อความว่าชาเข้ม เราจะพูดว่า strong tea ไม่ใช่ powerful tea แต่ในทางกลับกันเมื่อเราต้องการพูดว่า “ยาแรง ยามีประสิทธิภาพ” เราจะใช้ว่า powerful drug ไม่ใช่ strong drug อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือคู่ของคำพ้องความหมาย quick และ fast เรามักได้ยินว่า a quick meal ไม่ใช่ a fast meal แต่ในทางกลับกันเราจะพูดว่า He drives a fast car. มากกว่า he drives a quick car. นักภาษาศาสตร์จะเรียกปรากฎการณ์ที่คำศัพท์คำหนึ่งมักจะเกิดร่วมกับอีกคำหนึ่งบ่อยๆ อย่างมีนัยยะสำคัญว่า คำปรากฎร่วม หรือ collocation สำหรับในบริบทการเรียนการสอนภาษาอังกฤษผู้เรียนภาษาควรตระหนักถึงความเป็นธรรมชาติ (naturalness) หรือความนิยม (commonness) ของคู่คำที่มีโอกาสใช้ร่วมกันบ่อยๆ (Liu & Gablasova, 2025)

ความรู้เกี่ยวกับคำปรากฏร่วมมีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความรู้ด้านคำศัพท์ของผู้เรียนภาษาอังกฤษ (Eguchi & Kyle, 2023)การเลือกใช้บุรพบทผิดในการสร้างคำปรากฏร่วมแบบ grammatical collocation แม้อาจไม่กระทบความหมายหลักมากนักแต่ก็ทำให้เกิดข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ เช่น pay attention on (แทนที่จะใช้ pay attention to) หรือ interested about (แทนที่จะใช้ว่า interested in) แต่สิ่งที่ท้าทายผู้เรียนไม่แพ้กันคือการใช้ lexical collocation ซึ่งประกอบด้วย content word อันได้แก่ คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์มาประกบคู่กัน เช่นคำคุณศัพท์ rancid ซึ่งมีความหมายว่า เหม็นหืน เหม็นบูด มักนิยมใช้ร่วมกับคำนามที่หมายถึงอาหารจำพวก meat, oil, butter แต่เราแทบจะไม่เคยได้ยินคนพูดว่า rancid bread ดังนั้นการเลือกใช้คำให้เหมาะสมเพื่อสร้าง collocation มิใช่เรื่องของการใช้ภาษาผิดหรือถูกเสมอไป หากแต่เป็นเรื่องของความนิยมและการฟังดูเป็นธรรมชาติในการใช้ภาษามากกว่า

ภาพที่ 1 คำปรากฏร่วมของคำนาม consequence ที่แสดงในคลังข้อมูล COCA

หากเราเข้าไปสำรวจการใช้คำคุณศัพท์ที่ปรากฏร่วมกับคำนาม consequence ในคลังข้อมูลของเจ้าของภาษาที่มีขนาดใหญ่ เช่น The Corpus of Contemporary American English (COCA) ซึ่งเป็นคลังข้อมูลยักษ์ขนาด 25 ล้านคำ (ข้อมูล ณ.วันที่ 1 ตุลาคม 2568) เราจะพบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่นหากเราต้องการพูดว่า ผลลัพธ์ที่รุนแรงสร้างความเสียหาย ข้อมูลจาก COCA บอกเราว่า serious consequence มีความถี่สูงสุด (1,226 ครั้ง) ตามมาด้วย dire consequence (634 ครั้ง) และ severe consequence (404 ครั้ง) ข้อมูลใน COCA แสดงให้เห็นว่าการใช้คำปรากฏร่วม a damaging consequence ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ในภาษาอังกฤษแต่ความถี่ในการปรากฏที่ต่ำเพียง 51 ครั้งจากข้อมูล 25 ล้านคำบ่งบอกว่าความนิยมและความฟังดูเป็นธรรมชาติก็น้อยตามไปด้วยเมื่อเทียบกับ collocation ที่มีความถี่สูงกว่าอย่าง a serious consequence หรือ a dire consequence ผู้เรียนที่มีประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษยังไม่มากอาจบอกไม่ได้ว่า collocation คู่ใดเกิดบ่อยกว่า ดังนั้นการหัดสังเกตข้อมูลของคำปรากฏร่วมในคลังข้อมูลจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกใช้ collocation ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ (Frankenberg-Garcia, 2016)

ตารางที่ 1 คำคุณศัพท์ที่ปรากฏร่วมกับ consequence ซึ่งมีความหมายว่า ผลลัพธ์ที่รุนแรง สร้างความเสียหาย

การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ประสบผลสำเร็จจึงมิใช่เพียงการจดจำรูปศัพท์ (form) และความหมาย (meaning) แต่ผู้เรียนควรทราบถึง common collocation ที่คำนั้นๆ มักปรากฎร่วมเพื่อให้การใช้ภาษาไม่เพียงแต่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์แต่ยังฟังดูเป็นธรรมชาติ ฟังแล้วไม่แปร่ง ไม่แปลกหู (Szudarski, 2018) ในปัจจุบันผู้ผลิตพจนานุกรมฉบับสำหรับผู้เรียนภาษา (learners’ dictionary) ซึ่งอ้างอิงคลังข้อมูลเป็นหลัก (corpus-based) มักจะนำเสนอ collocation คู่ที่ใช้บ่อยเพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้เรียนภาษา และถ้าเราสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือก็จะทำให้เราทราบถึงความถี่ (ความนิยม) ของคำปรากฎร่วมนั้นๆ ได้ ผู้สอนภาษาอังกฤษเองจำเป็นที่จะต้องเริ่ม ‘ใส่ใจ’ ความสำคัญของ collocation เพื่อนำนักเรียนไปสู่มิติแห่งการเรียนคำศัพท์ที่ครอบคลุมและได้ประโยชน์มากขึ้น ตัวผู้สอนเองสามารถอ้างอิงตัวอย่าง collocation จากคลังข้อมูลเพื่อใช้ในการเตรียมบทเรียนและวางแผนการสอนได้  เช่น สอน collocation ที่ปรากฎบ่อยให้ผู้เรียนในระดับต้นและอาจเก็บ collocation ที่มีความถี่น้อยหรือมักพบในบริบทเฉพาะทางเพื่อใช้สอนในรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (English for Specific Purposes) เป็นต้น

References

Durrant, P. (2022). Corpus linguistics for writing development: A guide for research. Routledge

Eguchi, M. & Kyle, K. (2023). L2 collocation profiles and their relationship with vocabulary proficiency: A learner corpus approach. Journal of Second Language Writing, 60, 1-19.

Frankenberg-Garcia, A. (2016). Corpora in ELT. In G. Hall, The Routledge handbook of English language teaching (pp. 383-398). Routledge.

Liu, T. & Gablasova, D (2025). Data-driven learning of collocations by Chinese learners of English: A longitudinal perspective. Computer Assisted Language Learning, 35(3), 612-637.

Szudarski, P. (2018). Corpus linguistics for vocabulary: A guide for research. Routledge.

บทความโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภกรณ์ ภู่เจริญศิลป์
อาจารย์ประจำสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์